2554/02/26

[นัท-ซิน FanFiction] รักเลย...

ฟิคเรื่องนี้ เจ้าของบล็อกได้ทำการขออนุญาตินำมาลงไว้ในบล็อก ฝากติดตามด้วยนะค่ะ จะอัพให้ทุกตอนเลยค่ะ ขอขอบคุณพี่ทราย(เจ้าของหรือคนเขียนฟิคที่อนุญาตให้เรานำมาลง) เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่านะค่ะ 

Title: รักเลย
Status: Shot fiction 
Fandom: Singular
Pairing: NuT-SiN
Author: sine
Author’s Note: เป็นเรื่องแรกที่เขียนเกี่ยวกับแฟนฟิคไทย....เรื่องราวอาจจะเรื่อยๆแต่ก็ขอฝากเอาไว้ด้วยนะคะเผื่อจะชอบกัน...  เรื่องราวตอนนี้เป็นมุมมองผ่านมุมของผู้ชายที่ชื่อนัทคนเดียว  ซึ่งวันหลัง(แต่ไม่รู้วันไหนจะมาต่อในส่วนของผู้ชายที่ซื่อซินนะคะ)  อดรนทนไม่ไหวจนต้องแต่งขึ้นมาก็เพราะว่าชอบมากๆๆๆๆๆ  ดังนั้นขอภาวนาอย่าให้ ศลป. มาเจอเลยค่ะ555


   ชายหนุ่มยืนนิ่งท่ามกลางแสงแดดแรง   ถึงแม้จะแรงแค่ไหนแต่อากาศเย็นก็ทำให้มันรู้สึกแค่อุ่นเท่านั้น  มือขาวกระชับเสื้อกันหนาวให้แน่นเข้า  แบกกระเป๋าหนักอึ้งบนบ่าแล้วก้มมองกระดาษแผ่นเล็กในมือที่เขียนชื่อบ้านพักเอาไว้ด้วยลายมือหวัดๆคุ้นตาของเพื่อนซี้ซึ่งเป็นคนเตะโด่งเขาให้ขึ้นรถทัวร์สายอีสานตรงมายังจังหวัดที่เริ่มกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับอย่างจังหวัดเลยด้วยเหตุผลที่ว่า  เขาเครียดเกินไปและงานของเขาไม่เดิน

   โชติวุฒิ หรือ นัท หรือ ไอ้ถั่วงอกของเพื่อนๆพาหน้าขาวๆของตัวเองตรงไปยังเคาท์เตอร์ที่มีหญิงสูงวัยยืนต้อนรับอยู่

   “ที่จองไว้ครับ”  เจ้าของบ้านยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของแขกหนุ่มน้อยก่อนจะพาไปยังชั้นบนของบ้านที่จัดไว้เป็นห้องพักแบบโฮมสเตย์

   “ตอนเช้าจะให้ปลุกไปใส่บาตรหรือเปล่าจ๊ะพ่อหนุ่ม”  เธอถาม  เพราะที่นี่ในตอนเช้าจะมีการใส่บาตรข้าวเหนียว  ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะชอบเพราะไม่มีที่ไหนทำ

   “...ขอดูคืนนี้ก่อนครับว่าจะดึกหรือเปล่า  ยังไงผมจะแจ้งอีกทีตอนก่อนเข้านอนนะครับ”

   “จ้า”

   ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง  จ้องมองเพดานห้องเหม่อลอย   ในหัวว่างเปล่าเหมือนก่อนหน้าจะมาที่นี่  เหลียวไปมองกระเป๋ากีตาร์ตัวเก่งแล้วถอนหายใจลุกขึ้นถอดเสื้อคลุมออก  คว้ากีตาร์ออกจากกระเป๋าวางพาดบนตัก  นิ้วเรียววางทาบลงบนสาย หมุนปรับเสียงแล้วกรีดนิ้วไล่โน้ตก่อนจะชะงักนิ่งเมื่อไม่มีเพลงใดออกมา  นัทถอนหายใจแล้วตัดสินใจจะแบกกีตาร์ออกไปข้างนอก  บ่าแกร่งยังคงสะพายกระเป๋ากีตาร์ตัวใหญ่เหมือนไม่รู้สึกหนักอะไร

   ขายาวพาตัวเองเดินไปเชื่องช้าตามร้านรวงต่างๆ  ซึ่งเวลานี้ยังเช้าเกินไปเพราะบางร้านยังไม่เปิดให้บริการแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมากนักถึงอย่างไรเขาก็แค่อยากออกมาสูดอากาศเผื่อหัวจะได้ปลอดโปร่งขึ้นและสามารถแต่งเพลงได้บ้างสักเพลง  ช่วงจังหวะที่เดินผ่านร้านหนึ่งไปหางตาของเขาก็อะไรบางอย่างปลิวไหว  เท้าทั้งคู่ชะงักเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง  เขาหันหลังกลับไปมองรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว   

   เรือนผมสลวยหยักศกยาวทิ้งตัวจนถึงกลางแผ่นหลัง  ไหล่เล็กภายใต้เสื้อยืดสีเขียวอ่อนกับกางเกงเข้ารูปอวดเรือนขาเรียว   ผ้าพันคอสีดำถูกพันเลยคลุมไปยังไหล่  ใบหน้าเนียนขาว  จมูกโด่งเชิดรั้นยามเจ้าของหันไปมองทุกสิ่งรอบข้างด้วยความสนใจ  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อสงสัยกับบางสิ่งที่วางอยู่หน้าร้านค้า  ริมฝีปากบางขยับเอ่ยถามเจ้าของร้านไขข้อข้องใจของตัวเองและเสียงหัวเราะใสเมื่อได้รับคำตอบกลับมา  มือขาวยกกล้องขึ้นถ่ายรูปทุกสิ่งที่สนใจแล้วหันเดินจากไป

   ไม่รู้ว่าตัวเองยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นแค่ไหน  สายตายังคงจับจ้องแผ่นหลังของใครคนนั้นที่ค่อยๆเดินห่างออกไปและเขาจึงตัดสินในใจนาทีนั้นทันที   เท้าแกร่งเดินตามเจ้าของแผ่นหลังนั้นไปเรื่อยๆเมื่อเห็นฝ่ายนั้นหยุดร้านไหนเขาก็จะหยุดร้านถัดไป  แอบมองใบหน้าน่ารักโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว  เส้นผมสีนิลไหวตามแรงลม  เจ้าของเรือนผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยออกจากใบหน้า

   เมื่อเดินจนเหนื่อยใครคนนั้นจึงแวะร้านที่เปิดโล่ง  ด้านหลังติดริมแม่น้ำโขงเพื่อซื้อน้ำดื่ม     เขาจึงเดินไปหยุดอีกร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและซื้อน้ำเหมือนกัน มือขาวยังคงยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเป็นระยะๆ  มีบ้างที่ให้เจ้าของร้านถ่ายรูปให้  เขาอยากจะเดินเข้าไปแล้วบอกว่า  ผมถ่ายรูปให้ไหมครับ  เหลือเกิน  แต่เขาเกรงว่าคนน่ารักจะมองเขาแปลกๆดังนั้นจึงได้แต่มองคนอื่นถ่ายรูปให้คนน่ารักของเขาอย่างแสนเสียดาย

   ยามที่ขาเล็กนั้นก้าวไปหนึ่งก้าว เขาก็จะก้าวพร้อมกันไปหนึ่งก้าวในฝั่งตรงข้ามของถนน  จนเวลาเปลี่ยนเป็นค่ำ  ร้านค้าต่างๆเริ่มเปิดกันจนเต็มถนน  แสงไฟสว่างแข่งกัน  จำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ชายหนุ่มเริ่มลำบากเมื่อต้องคอยชะเง้อมองหาคนที่อยู่ตรงข้ามเป็นระยะๆ  ยิ่งเมื่อฝ่ายนั้นตัวเล็กนิดเดียวยิ่งถูกบังได้ง่ายจนเกือบมองไม่เห็นสร้างความหงุดหงิดให้เขามากขึ้นจนสุดท้ายก็ต้องยอมตัดใจเมื่อมองหาอีกฝ่ายไม่เห็นและหลุดหายไปจากสายตา

   นัทลากขากลับมายังบ้านพักเหมือนคนหมดแรงและเขาหมดอารมณ์จะเดินเที่ยวต่อตั้งแต่ใครคนนั้นหายไปกับฝูงชนแล้ว   เขานั่งทอดอารมณ์บนเก้าอี้หน้าบ้านหลังจากสั่งอาหารง่ายๆและกาแฟหนึ่งแก้วมานั่งจิบพลางมองเหล่าผู้คนที่เดินผ่านไป-มา

   อากาศหนาวขึ้นจนต้องลูบแขนตัวเองเป็นระยะก่อนจะหยิบกีตาร์ตัวเก่งกลับขึ้นห้องแวะบอกเจ้าของบ้านว่าพรุ่งนี้เช้าไม่ต้องปลุกเขามาใส่บาตรข้าวเหนี่ยวเพราะคืนนี้คงนอนดึก    กลับขึ้นมานั่งนิ่งคิดถึงใบหน้ายามที่ฝ่ายนั้นหัวเราะนัทก็เผลอหัวเราะออกมาคนเดียว  นิ้วเรียวจึงแตะลงบนคอร์ดหลังจากปรับเสียงเสร็จแล้วจึงกรีดนิ้วกลายเป็นท่วงทำนอง

   เพลงที่ไม่สามารถแต่งออกมาได้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนตอนนี้กลับง่ายเพียงนิดเมื่อเขานึกถึงใครบางคน  โน๊ตต่างๆและทำนองก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาโดยอัตโนมัติ  เขาควรจะขอบใจเพื่อนดีหรือไม่ที่โยนเข้าขึ้นรถมาลงที่เชียงคานแล้วได้เจอกับแรงบันดาลใจของเพลงเพลงนี้...

   หากนัทจะเป็นคนเรื่อยเฉื่อยมากกว่าการหมกมุ่นกับกีตาร์เขาอาจจะยังไม่กลับห้องเร็วนัก  โดยไม่รู้ตัวและไม่เคยคิดฝันว่าบางทีคนที่เขาคิดถึงอาจจะอยู่ใกล้แค่นิดเดียวหากเขาจะนั่งตรงนี้นานอีกหน่อยหรือยอมทนหนาวไปนั่งริมแม่น้ำโขงสักนิดเขาอาจจะได้เอ่ยประโยค  ผมถ่ายรูปให้ไหมครับ   หรือ  ยินดีที่ได้รู้จัก  กับใครคนนั้นก็ได้     และถ้าหากเพียงชายหนุ่มจะหันหลังกลับมายังบ้านพักฝั่งตรงข้ามเขาก็คงได้เจอ...

   




   เช้าวันรุ่งขึ้นนัทไม่ได้ตื่นสายอย่างที่คิดเมื่อลืมตาขึ้นเพราะอากาศหาวเย็นและเขาไม่หลับอีกเลย  จนสุดท้ายก็ต้องคว้าเสื้อกันหนาวมาสวมเดินลงมาข้างล่างหากแต่ก็ไม่ทันใส่บาตรอยู่นั่นเอง  วันนี้เขาตั้งใจจะเดินไปตามทางเมื่อวานอีกครั้งหากแต่เปลี่ยนจากสายถนนด้านหน้าเป็นเส้นที่ติดกับริมแม่น้ำโขงและวันพรุ่งนี้จึงค่อยไปแก่งคุดคู้ที่คุณป้าเจ้าของบ้านแนะนำ    หลังจากจัดการอาหารเช้า  และกาแฟเขาจึงแบกกีตาร์ไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้  มองน้ำโขงไหลเอื่อยท่ามกลางหมอกขาว  อากาศเย็นๆช่วยให้รู้สึกสดชื่นต่างจากแดดร้อนยามกลางวันมากนัก

   ท่วงทำนองสดชื่นฟังสบายหูหากบางครั้งยังแฝงความหวานละมุนตามแบบฉบับของเขาเองเข้ากับบรรยากาศจนคนที่เดินผ่านไปมาบางคนหยุดยืนฟัง  แต่เพราะนัทมัวแต่สนใจกีตาร์และเพิ่มทำนองเข้าไปในเพลง  เขาตัดขาดสิ่งรอบตัวทำให้พลาดโอกาสอย่างน่าเสียดาย... เมื่อร่างเล็กบางของใครบางคนก็เป็นหนึ่งในคนที่หยุดยืนฟังเพลงของนัทด้วยเช่นกัน

   เวลาค่ำเหมือนเมื่อวาน  นัทเดินไปตามร้านรวงต่างๆด้วยฝีเท้าช้าเฉื่อย  มองข้ามกลุ่มคนที่เดินเต็มถนนหาเจ้าของเส้นผมสีนิลยาวหยักศกคนนั้น แล้วหัวใจของเขาก็เต้นแรงเมื่อเห็นแม้เพียงปลายผมขยับไหวตามแรงลมนั้นและใบหน้าขาวก็หันมา   นัทยิ้มกว้างเขายืนนิ่งก้าวขาไม่ออก  ร่างเล็กเดินมาทางเขาพร้อมรอยยิ้มสวย   เหงื่อซึมขมับ  มือไม้เย็น  อยากจะยกหลังมือขึ้นเช็ดหากแต่มันอ่อนแรงไปหมด

แล้วหัวใจของนัทก็เหี่ยวแฟ่บลง  ยิ้มยังคงค้างบนริมฝีปากบางเมื่อร่างนั้นเดินผ่านเลยเขาไปพร้อมเสียงหวานจับใจนั้นเอ่ยร้องทักใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขา   ชายหนุ่มแก้มป่องยิ้มตาหยีเมื่อเจ้าของเรือนผมยาวเข้าไปทัก  นัทหันกลับไปมองทั้งสองคนด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

“พี่แสตมป์  มาถึงช้าจัง”  น้ำเสียงหวานใสที่นัทเพิ่งมีโอกาสได้ฟังครั้งแรกร้องเรียกชื่ออีกคน  ความรู้สึกอิจฉาพุ่งวาบเข้ามาในจิตใจ แล้วก็กลายเป็นเศร้าเมื่อผู้ชายคนนั้นยกมือขึ้นยีผมยาวๆของคนน่ารัก  ยิ้มกว้างกับดวงตาหยีของทั้งสองคนทำเอานัทถึงกับยืนนิ่ง  

ชายหนุ่มก้มหน้าลงจึงไม่ทันเห็นแววตาสงสัยของคนตัวโตกว่าเมื่อคนผมยาวหันไปมองใบหน้าซีดเซียวของคนที่ยืนใกล้กัน  แววตาซุกซนเหมือนคนขี้แกล้งนั้นจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะรั้งแขน พี่แสตมป์ ออกเดิน  เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ตลอดเส้นทาง  แวะถ่ายรูปบ้างซึ่งส่วนใหญ่คนผมยาวมักจะเป็นฝ่ายกดชัตเตอร์เสียมากกว่า  ถึงจะรู้สึกเหมือนคนอกหักแต่มันยากเหลือนที่จะเลิกเดินตามใครคนนั้น  นัทจึงยังคงเดินช้าๆเฝ้ามองฝ่ายนั้น จนดึกดื่นและเดินจนเหนื่อย  พี่แสตมป์   จึงยกมือขึ้นยีหัวคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดูแล้วหันหลังแยกจากไป ฝ่ายนั้นโบกมือลาที่คนตัวเล็กก็โบกตอบ  นัทถอนหายใจและยิ้มกว้างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ได้พักด้วยกัน  อย่างน้อยก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาก็แค่พี่น้องกัน...   เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเข้าที่พักไปแล้วชายหนุ่มจึงคิดว่าตัวเขาเองก็ควรจะกลับไปนอนได้แล้ว  เขาหันจะเดินออกมาแล้วก็ต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น....

ชายหนุ่มเงยหน้ามองบ้านพักของตัวเองนิ่ง...   บ้านพักที่เขาอยู่นั้นอยู่ตรงข้ามกับใครคนนั้น!  โธ่  เขานี่งี่เง่านัก  ทำไมถึงเพิ่งมารู้เอาป่านนี้นะ!  นัทถอนหายใจ  หันหลังกลับมาหยุดยืนหน้าบ้านพักที่ใครคนนั้นเพิ่งเดินเข้าไปเมื่อครู่...ถ้าเขาเข้าไปถามห้องว่างจากเจ้าของบ้านจะโดนด่าเอาไหมนะ? นัทยืนนิ่ง  มองเลยไปยังชั้นบนกวาดสายตามองหาเผื่อจะได้รู้ว่าใครคนนั้นพักห้องไหน

“ห้องเต็มหมดแล้วครับ”  นัทยิ้มแหยให้เจ้าของบ้านที่เดินออกมาบอกชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าเขายืนนิ่งหน้าบ้านอยู่นานสองนานแล้ว   นัทพยักหน้ารับแล้วหันหลังกลับเข้าบ้านพักของตัวเอง    

นิ้วเรียวยังคงค้างบนสายกีตาร์  ความคิดของนัทวิ่งวุ่นไปหมด  ภาพของคนสองคนทำให้เขาเจ็บยอกในอกหากแต่การลาจากตอนก่อนจะเข้าบ้านพักทำให้หัวใจของเขากลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง  อย่างน้อยสองคนนั้นก็ไม่ได้พักด้วยกันหรือมากที่สุดที่เขาหวังคือ  สองคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกัน...


แล้วจะทำอย่างไรให้คนน่ารักมองเห็นเขา?


นัทครุ่นคิดทั้งคืนกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้และเขาก็มีความคิดดีๆนั้นแล้ว  ขอแค่ให้ค่ำพรุ่งนี้ใครคนนั้นยังคงอยู่ที่เชียงคานก็แล้วกัน  และถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะลองกล้าดู...






เช้าตรู่คุณป้าเจ้าของบ้านมาปลุกชายหนุ่มตามที่เขาบอกก่อนนอนและนัทก็ทันใส่บาตรข้าวเหนียวในที่สุดหากแต่เมื่อไล่สายตาไปยังบ้านพักฝั่งตรงข้ามกับไม่เห็นหน้าคนที่เขาฝันถึงเมื่อคืน   ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะสะพายเป้ขึ้นบ่าแล้วนั่งรถไปยังแก่งคุดคู้  ปรกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบพกกล้องถ่ายรูป  หากไปเที่ยวไหนเขาคิดว่าการเก็บภาพด้วยสายตาของตัวเองนั้นดีที่สุด  อากาศเย็นขึ้นกว่าเมื่อวาน   นัทกระชับเสื้อคลุมพลางสูดอากาศเข้าเต็มปอดก่อนจะไอแห้งๆออกมา และจามอีกนิดหน่อย   เขามันพวกเป็นหวัดง่ายแต่ก็ไม่ค่อยดูแลตัวเองสักเท่าไหร่

“!”  นัทสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆก็มีคนมาสะกิดแขนพร้อมยื่นแก้วกาแฟร้อนมาให้   ชายหนุ่มก้มมองเด็กชายตัวเล็กพลางยิ้มกว้าง “มีอะไรกับพี่หรือครับ?”

“มีคนให้เอานี่มาให้พี่ครับ”  เด็กชายยังคงยื่นแก้วมาให้  กลิ่นหอมของกาแฟยั่วจมูก  แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่นัทยื่นมือไปรับแต่เป็นเพราะความร้อนของมันคงทำให้เด็กชายไม่สบายมือนัก

“ใครครับ?”  คิ้วเข้มเลิกขึ้นแปลกใจ

“พี่คนสวยๆ”  เด็กชายว่า  แต่มันไม่ได้ช่วยให้นัทเข้าใจมากขึ้นเลย

“ท่าทางพี่เขาเป็นยังไง?”  นัทถามต่อ

“พี่เขาไม่ให้บอก  แต่มีนี่ให้ด้วยครับ”  เด็กชายล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง  กระดาษแผ่นเล็กถูกส่งมาให้   ในนั้นมีลายมือหวัดๆเขียนเอาไว้  นัทบอกขอบใจเด็กชายแล้วฝ่ายนั้นก็วิ่งปรู๊ดจากไป   เขาก้มลงอ่านข้อความในกระดาษนั้น


‘กาแฟร้อนๆจะช่วยให้อุ่นขึ้นนะ’


นัทไม่รู้ว่าตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหนตอนอ่านข้อความนั้น  นอกจากฝ่ามือที่อุ่นจากความร้อนของกาแฟแล้ว  ในใจเขามันก็อุ่นขึ้นมาแปลกๆด้วย  คนสวย  ของเด็กชายเป็นใครเขาไม่รู้  แต่นัทอยากจะเพ้อฝันเข้าข้างตัวเองเหลือเกินว่า  ขอให้คนสวยของเด็กชายนั้นเป็นคนสวยคนเดียวกันกับเขา   นัทหัวเราะกับความคิดของตัวเอง...  มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน...







ค่ำนั้นนัทจัดการอาบน้ำแต่หัววัน  เลือกชุดดูดีที่สุดที่เขาเตรียมมาก่อนคว้ากีตาร์ตัวเก่งลงไปยังถนนสายเดิม  เขาเลือกร้านที่มีรถเวสป้าเก่าจอดไว้  เข้าไปคุยกับเจ้าของร้านที่ใจดีอนุญาตพร้อมทั้งหาเก้าอี้เข้ากับบรรยากาศของร้านมาให้ชายหนุ่มนั่งอีกต่างหาก   นัทยิ้มกว้างขอบคุณแล้วเริ่มต้นตั้งสายปรับเสียง    คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่เพราะหมดวันหยุดของเขาแล้วและนี่เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาได้พบกับคนนั้นอีกครั้ง  ซึ่งเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเจอหรือไม่เพราะฝ่ายนั้นอาจจะกลับไปแล้วก็ได้

นิ้วเรียวยาวไล่กรีดสายจนเกิดเป็นท่วงทำนองเพลงช้าๆหวานซึ้ง  เพลงแล้วเพลงเล่าที่เล่นไป  นัทก็เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆและยิ้มรับเมื่อจำนวนคนที่หยุดยืนฟังเพลงนั้นเพิ่มขึ้น   จนค่อนคืน...ก็ยังไม่เห็นคนที่เขาคิดถึง  นัทถอนหายใจคิดจะเล่นอีกเพลงเป็นเพลงสุดท้าย   ความหวังจะได้พบเจอคนที่บังเอิญพบระหว่างทาง  ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อหรือการพูดคุยมองหน้า...ช่างเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยเหลือเกิน 
  
หลงรักเพียงแค่เดินผ่าน...

คิดถึงทั้งๆที่ไม่รู้จัก...



เขากลายเป็นผู้ชายอย่างนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันหนอ     นัทยิ้มเศร้ากับตัวเอง     ...ดูเหมือนจะอกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเสียแล้ว

ชายหนุ่มเลือกเพลงสุดท้ายแล้วเล่น พลันสายตาของเขาก้หยุดนิ่งกับคนตรงหน้า   ทุกอย่างหยุดชะงักแม้กระทั่งนิ้วของเขา   รอบกายเงียบกริบท่ามกลางความแปลกใจของคนยืนฟังเพราะเจ้าของกีตาร์แน่นิ่งไม่ขยับไหว   ใบหน้าหล่อเหลามองตรงนิ่งไปยังร่างเล็กของใครบางคน    และริมฝีปากบางสีสดของใครคนนั้นขยับเป็นคำพูดแผ่วเบาไม่ได้ยินเสียงหากแต่จับใจความได้ว่า

‘กีตาร์แมน  เล่นซิ’

นั่นแหละนัทจึงได้สติ  กระแอมไอแก้เก้อเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่นต่อด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ  มือไม้พากันสั่นเหมือนหัวใจของเขาเลยมีบางโน๊ตบอดขึ้นมาเฉยๆ   นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเขินมากขึ้นไปอีก  ยามเมื่อรอยยิ้มสวยนั้นหวานจนเขาแทบละลายถูกส่งมาให้   กว่าจะจบเพลงนัทรู้สึกเหมือนจะขาดใจเพราะความร้อนพวยพุ่งขึ้นไปทั้งหน้าของเขา   ต่อหน้านักเรียนมากมายในห้องหรือการเริ่มงานครั้งแรกเขาไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้เลยสักครั้งนอกจากการประกวดแข่งกีตาร์ระดับประเทศครั้งนั้นครั้งเดียว

“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม กีตาร์แมน?”  น้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยถาม   นัทเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองพยักหน้ารัวเร็วจนคอแทบหักตอบรับคนน่ารักตรงหน้า     

เส้นผมยาวละกลางหลังนั้นขยับไหวตามเจ้าของและตอนนี้มันเคลียอยู่บนบ่าของเขาให้ได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ   ใบหน้าน่ารักนั้นเอียงเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นแป้งเด็ก  นัทหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักอย่างแม้กระทั่งเสียงของคนข้างกาย  เขาได้แต่มองริมฝีปากบางคู่นั้นขยับไปมา   สายตาจับจ้องใบหน้าเนียนตาไม่กะพริบ    แขนเล็กยกกล้องขึ้นหันเลนส์มาทางพวกเขาสองคนแล้วกด 

“เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ !”  เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้น  นัทจึงละสายตาจากแก้มเนียนนั้นแล้วหันไปมอง    คนสวยยื่นกล้องให้กับ   พี่แสตมป์  ที่เขาเห็นเมื่อคืนนั้นกดชัตเตอร์ให้  

“ขอบใจนะ”  คนตัวเล็กผละออกห่างเมื่อได้ถ่ายรูปสมใจ  ความรู้สึกโหวงในอกปนเสียดายทำให้นัทโพล่งออกไปรวดเร็วไม่รู้ตัว

“อยู่ฟังเพลงสุดท้ายของคืนนี้หน่อยนะครับ”

“.....”  เจ้าของเรือนผมสลวยหันมามองก่อนจะพยักหน้ารับแล้วไปหยุดยืนข้างกายอีกคนที่ส่งกล้องคืนมาให้ด้วยใบหน้าไม่พอใจ   หากนัทไม่ได้สนใจเพราะสายตาของเขาจับจ้องที่คนเพียงคนเดียวเท่านั้น   นิ้วยาวดีดสายเกิดทำนองคุ้นหูในแบบของตัวเองต่างกับต้นฉบับจริง  หากแต่ไพเราะไม่ต่างกัน...




ตั้งแต่วันที่ผมได้พบ วันที่ผมได้เห็นหน้า
สายตาและหัวใจเจอะที่คุณ
ตั้งแต่นั้นผมก็ได้รู้ ชีวิตผมก็ได้รู้
ว่าจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคุณ

คือคุณนั่นเองตลอดมา ที่ตัวผมเองเฝ้าใฝ่หา
เมื่อมองรอบกาย ที่มีคนมากมาย
มีคุณคนเดียวที่ผมมองเห็นในสายตา

มันทรมานเกินจะเก็บไว้
จึงบอกคุณไปแล้วได้ยินไหม
ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ
ก็ช่วยเก็บเป็นความลับตลอดไป
ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ
ก็ช่วยเก็บเป็นความลับ ว่าผมรักคุณ



เสียงปรบมือดังขึ้นหากแต่คนที่ยืนอยู่ๆรอบไม่เดินออกไปนอกจากจะส่งเสียงขอให้ชายหนุ่มเล่นอีกสักเพลงสองเพลงมากกว่านี้  แต่นัทยังคงนิ่ง  สายตาของเขามองเข้าไปยังดวงตากลมดำขลับของคนตรงหน้านิ่งเหมือนรอคอย  ริมฝีปากบางคู่นั้นไม่มีรอยยิ้มปรากฏเช่นก่อนหน้า   ฝ่ายนั้นจ้องนิ่งเข้ามาในดวงตาของเขาเช่นกัน

นัทไม่หลบตาเพราะเขาอยากจะบอกอีกฝ่ายว่าจริงจังเหมือนเพลงที่เขาร้องทุกอย่าง   แค่เพียงคนตรงหน้าจะตอบรับอย่างไร...

“ไปกันเถอะ”  พี่แสตมป์คนเดิมรั้งแขนเล็กให้เดินตามพลางส่งสายไม่พอใจมายังชายหนุ่มที่กอดกีตาร์เอาไว้  สายตาของทั้งสองคนที่มองกันนิ่งนั้นทำให้เขาออกแรงกระชากคนตัวเล็กให้เดินเร็วๆ


นัทนั่งนิ่งมองคนตัวเล็กที่ถูกลากออกไปด้วยใจห่อเหี่ยวและเจ็บปวดยิ่งนักเพราะดูเหมือนว่าความรู้สึกของเขาคงต้องเก็บเป็นความลับอย่างที่เพลงว่าจริงๆ  หากแต่แล้ว....
ใบหน้าขาวที่หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มหวาน   ดวงตาขี้เล่นคู่นั้นพราวระยับ  เส้นผมยาวปลิวละแก้มเนียนตามแรงลม  ทั้งๆที่โดนลากแขนออกไป    กระนั้นเขายังหันมามองและริมฝีปากคู่นั้นก็ขยับโดยไร้เสียง


‘มันไม่ใช่ความลับเสียหน่อย....’


หัวใจของนัทพองโตคับอกกับคำตอบนั้นของคนตัวเล็ก  แม้ว่าทั้งสองคนจะหายไปจากสายตาของเขาแล้วก็ตาม   เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า    ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง...ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้  เขาและใครคนนั้นจะเดินทางมาพบกันอีกครั้ง  และถ้าคราวหน้าเขาได้เจอล่ะก็....


เขาจะกล้ามากกว่านี้เพื่อเข้าไปคุย....

เขาจะกล้ามากกว่านี้เพื่อให้ได้รู้จักชื่อ....

เขาจะกล้ามากกว่าเพื่อจะได้กลายเป็นคนรู้จักไม่ใช่คนแปลกหน้า...


และเมื่อถึงเวลานั้นความลับของเขาคงไม่ใช่ความลับอีกต่อไป....เพราะเขานั้นรักเลยในครั้งแรกตั้งแต่สบตาคู่นั้นและหวังว่าอีกฝ่ายจะรักเลย....เช่นเดียวกันกับเขา....


Fin

2554/02/21

OPV นัทซิน ภาคฟอร์มสวยๆของซินเซียร์


So Cute!

Singular Arts For Share @ Digital Gateway 2

Singular Arts For Share @ Digital Gateway 2 




คลิปนี้มีอีก 2 โมเมนท์น่ารักๆ
0.20 นัทออกไปเข้าห้องน้ำ หายไปนานมาก กลับมาพร้อมน้ำแร่เอเวียง 2 ขวด มาส่งให้ซิน
(หน้าซินเหมือนจะบอกว่า พออยู่ต่อหน้าคนเยอะๆ ก็เอาใจออกนอกหน้าเชียวนะ 55)
9.20 เพลงที่ว่าง แฟนตะโกนว่า ที่ว่างตรงกลางขอไปนั่งได้มั๊ย คุณกีตาร์เธอรีบขยับชิดแล้วบอกแบบไม่ต้องคิดว่า "ไม่ได้หรอก"
หวงจริงอะไรจริงค่ะ  laugh

2554/02/20

Singular Arts For Share @ Digital Gateway


Singular Arts For Share @ Digital Gateway




5.40 พัดให้พี่ซินหน่อย
ก่อนพัดให้ มีการบอกว่าเดี๋ยวเป็นข่าว แต่ได้ข่าวว่าคุณเองนะคะที่จัดเต็มเกินหน้า FC ตลอด 55
และ 7.28 เป็นช่วง "แตะมาทั้งตัวแล้ว" ค่ะ ^^

คนหล่อขอเผยความใน(ใจ) P'Nut

คนหล่อขอเผยความใน(ใจ)

นาทีที่ 0.39
นัทขยับกีตาร์ จะไปโดนแขนซินที่กำลังวาดรูปอยู่ แฟนคลับเลยเตือน
FC - พี่นัทระวังโดนแขนพี่ซินนะ
นัท - โดนแขนพี่ซิน? โอ้โหขอโทษ! แตะไม่ได้เลยยย
FC - ไม่ได้~
นัท - (ทำมือให้เงียบ) แตะมาทั้งตัวแล้วว่ะ!
FC - หมายความว่าไงพี่นัท
นัท - อึ้ง (55) ...รถตู้มันแคบ เลยนั่งเบียดกัน... (เอามือลูบอก เกือบไปไม่เป็นแล้วตรู)