2554/02/27

[นัท-ซิน FanFiction] รักเลย... 2

Title: รักเลย   2
Status: Shot fiction 
Fandom: Singular
Pairing: NuT-SiN
Author: sine
Author’s Note:  เป็นช่วงที่2ของเรื่องนะคะ  มาดูมุมมองของอีกคนกันบ้าง




“ก็บอกว่าต้องเดี๋ยวนี้ไง!”  น้ำเสียงหวานตวาดแหวให้คนฟังต้องยกมือกุมหน้าผากอย่างจนใจ

“วันนี้ไม่ได้หรอกซิน  พี่ต้องเสนองานแล้วมีประชุมต่ออีก”

“ก็เรื่องของพี่ซิ  ซินไม่ได้ขอให้พี่ตามไปเสียหน่อย”

“.....”  น้ำเสียงหวานบาดหูด้วยถ้อยคำนั้น   ร่างสูงถอนหายใจหากแต่เพราะชินแล้วกับนิสัยแบบนี้เขาจึงได้แต่นิ่งเฉยเสีย

“ซินจะไปวันนี้  ถ้าพี่จะตามไปทีหลังหรือจะยังไงก็แล้วแต่  ตามใจแล้วกัน!”  ว่าแล้วก็คว้ากระเป๋าหันหลังก้าวฉับออกมาทันที  มือขาวเสยผมยาวขึ้นอย่างหงุดหงิดเต็มที  คนอุตส่าห์วางแผนไปเที่ยวแต่เพราะอีกฝ่ายบอกว่าอยากไปด้วยเขาเลยรอ  พอมาถึงวันนี้ดันบอกว่ามีงานเข้ามา  ...มันก็ต้องโมโหเป็นธรรมดาน่ะซิ  อีกอย่างก็ไม่ได้ง้อให้ไปด้วยสักนิดเพราะฉะนั้นอีกฝ่ายจะตามไปหรือไม่นั้นเขาไม่สนหรอก
   
   กระเป๋าผ้าใบไม่ใหญ่มากนักถูกโยนขึ้นวางก่อนเจ้าของร่างผอมบางจะทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะติดกระจกรถ  เท้าคางมองภาพข้างทางที่เริ่มขยับเพราะรถเคลื่อนตัวออก  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่คลายเมื่อนึกถึงใบหน้าของรุ่นพี่ที่ถูกเขาโวยวายใส่  ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคงเสียใจไม่น้อยที่เขาพูดแบบนั้นออกไป   แต่เพราะรู้เลยต้องพูดต่างหาก...อย่าเปลี่ยนตัวเองไปจากเดิมหลังรับรู้ว่าฝ่ายนั้นรู้สึกกับเขาอย่างไร... ไม่สามารถตอบสนองได้มากกว่าคำว่าพี่น้องเลยทำตัวเหมือนเดิม  เป็นเด็กขี้โวยวาย  ขี้โมโหและพูดจาร้ายกาจ...

“เฮ้อ~”  ริมฝีปากน่ารักเชิดขึ้นเมื่อรู้สึกไม่พอใจ หากแต่ชายหนุ่มก็พยายามสลัดมันออกก่อนกระชับผ้าพันคอเมื่อแอร์ในรถเป่าแรงขึ้นพลางนึกในใจว่า  ทำไมรถทัวร์ต้องเปิดแอร์ราวกับขั้วโลกด้วย  อย่างหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

แขนขาวยกขึ้นบิดไล่ความเมื่อยขบหลังจากนั่งจนเมื่อยก้นเมื่อยขาเป็นเวลานาน   เงยหน้าขึ้นมองบ้านพักที่จองไว้กับกระดาษในมือแล้วก้าวเข้าไป  เขาขอห้องติดริมหน้าต่างหรือระเบียงเพื่อจะได้ชมบรรยากาศของเชียงคานตามที่ตั้งใจไว้   โยนกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจคว้ากล้องแล้วออกเที่ยวทันที

มือเล็กยกกล้องตัวใหญ่ขึ้นถ่ายเป็นระยะๆ  บางร้านค้าที่เปิดตั้งแต่กลางวันไปจนถึงตอนกลางคืนก็ถูกเขาหมายตาเอาไว้ว่าค่ำเมื่อไหร่เขาจะกลับมาถ่ายอีกครั้งเพราะบรรยากาศไม่เหมือนกัน  มันให้ความรู้สึกต่างกันเมื่อต่างเวลาถึงจะเป็นร้านเดียวกันก็ตาม

เขาไม่รู้ตัวเลยว่า...ยามที่ก้าวเดินผ่านใครบางคนไปได้ขโมยบางอย่างมาจากฝ่ายนั้นให้ปลิดปลิวราวกระชากออกจากอก...  ขาเรียวยังคงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รับรู้จนกระทั่งเมื่อยกกล้องขึ้นถ่ายร้านค้าฝั่งตรงข้าม  คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนเปลี่ยนขมวดมุ่นไม่เข้าใจหากแต่ไม่ยอมลดกล้องลงจากใบหน้าเพื่อให้กล้องบังเอาไว้   มองท่าทางของใครคนนั้นอย่างสังเกต

ท่าทางเขินๆเวลาที่เหลือบมองมาทางเขา  หรืออาการรีบหันหน้าหนียามเมื่อเขาแกล้งหันหลังกลับไปมองเรียกรอยยิ้มบนริมฝีปากบางของคนถูกแอบมองก่อนความคิดบางอย่างจะเข้ามาในหัวแล้วเขาจึงออกเดินอีกครั้ง

เมื่อเดินจนเหนื่อยซินจึงเลือกร้านขายน้ำดื่มแล้วสั่งนมเย็นโบราณ  ระหว่างรอเขาก็ขอเจ้าของร้านถ่ายรูปไปเสียเกือบทุกมุม  บางรูปก็ใจกล้าหน้าด้านขอเจ้าของมาถ่ายให้ด้วย   พอหันกลับออกไปทางถนน  ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง  ใครคนนั้นก็แวะร้านขายน้ำฝั่งตรงข้ามกับเขา   รอยยิ้มอ่อนวาดประดับใบหน้าเนียนก่อนกล้องตัวโปรดจะถูกยกขึ้นแล้วจับภาพเจ้าของร่างสูงโปร่งของคนที่ยืนไกลออกไป  นิ้วเรียวหมุนเลนส์ขยายภาพแล้วกดชัตเตอร์รวดเร็วก่อนที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นจะหันมาซินก็ลดกล้องลงแล้วหันไปรับแก้วนมมาถือไว้  ทั้งๆที่ในอกหัวใจเขาเต็นโครมครามกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าเขาแอบถ่ายรูป  

ยามเมื่อก้าวเท้าไปหนึ่งก้าวฝ่ายนั้นจะก้าวไปพร้อมๆกันอีกหนึ่งก้าวของฝากถนน   การกระทำแบบนั้นมันทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากว้างขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย   ยามที่ลมอ่อนพัดโชยมาให้เส้นผมปลิวละหน้า   ซินยกมือขึ้นเกลี่ยผมแล้วแอบเหลือบมองไปทางฝั่งนั้น     

จมูกโด่ง  ผิวขาวสะอาดตาและกีตาร์ตัวโตในกระเป๋าที่ถูกสะพายบนบ่านั้นทำให้
ซินอดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้เห็นคนนั้นเล่นกีตาร์จะเป็นอย่างไรกันนะ   คิดแล้วก็เลื่อนสายตาลงไปยังมือขาว  นิ้วเรียวยาว...ที่ถ้าหากวางบนสายกีตาร์คงสวยน่าดู  แล้วขาเรียวก็หยุดชะงักเมื่อดูเหมือนในหัวของเขาจะเอาแต่คิดเรื่องของคนแปลกหน้าของฝั่งตรงข้ามถนน...  อาจจะเป็นเพราะท่าทางเงียบๆของฝ่ายนั้นหรืออาจจะเป็นเพราะกีตาร์ก็ได้  และถ้าหากเขาได้เอ่ยปากว่า  ช่วยเล่นกีตาร์ให้ฟังหน่อย   หรือเอ่ยปากถามว่า  นายร้องเพลงเป็นไหม   บางทีพวกเขาคงได้รู้จักกัน...

จนเมื่อค่ำและชายหนุ่มเดินย้อนกลับมาทางเก่าเพื่อถ่ายรูปอย่างที่ตั้งใจเอาไว้  จำนวนผู้คนที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เขาไม่สามารถสอดส่ายสายตาไปฝั่งตรงข้ามแล้วพบกับใครคนนั้นได้เหมือนเดิม เขาก็ถอนหายใจสีหน้าหม่นหมองโดยไม่รู้ตัว  ความรู้สึกอยากถ่ายภาพลดลงจนแทบติดศูนย์จนต้องลากขากลับที่พักเหมือนคนหมดแรงหลังจากกินขนมไปสามชิ้นและนมร้อนอีกหนึ่งแก้ว   ร่างโปร่งหยุดชะงักเมื่อหางตาเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ทำให้เขาหยุดหันไปมอง

แผ่นหลังที่มีกระเป๋ากีตาร์พาดอยู่  เจ้าของร่างที่หายไปจากสายตาเขาเมื่อค่ำกำลังเดินเข้าไปในบ้านพักและก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหายไปจากสายตาอีกครั้งซินก็ยกกล้องขึ้นถ่ายแผ่นหลังนั้นรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว   มันเหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติยามเมื่อความรู้สึกหนึ่งพุ่งวาบเข้ามาในหัว   อยากเก็บภาพเอาไว้...

ความหนาวเย็นของอากาศที่ต้องคอยกระชับผ้าพันคอเป็นระยะถูกกลบด้วยความรู้สึกอุ่นวาบในอกได้อย่างน่าประหลาดและรอยยิ้มก็กลับมาบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง  ชายหนุ่มก้มลงยิ้มกับตัวเอง  ความรู้สึกพองโตในอกมันอธิบายไม่ได้  หนำซ้ำมันกลับตีรวนจนเหมือนหายใจติดขัด   เขาหันหลังกลับก็พบว่าบ้านพักของเขาสองคนอยู่ตรงข้ามกัน   ซินอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นแล้วหันกลับไปด้านหลังอีกครั้ง  หันกลับมามองบ้านพักตัวเองอีกรอบแล้วหัวเราะเสียงเบา

ท่ามกลางความมืดดวงตากลมโตจ้องมองเพดานด้วยนอนไม่หลับ  ความคิดเขาไม่หยุดนิ่งเอาแต่คิดว่าเจ้าของกีตาร์กำลังเล่นเพลงอะไรอยู่หรือเปล่า  เสียงนั้นจะเพราะแค่ไหนหรือกำลังนอนไม่หลับเช่นเดียวกันกับเขา  จนในที่สุดร่างโปร่งจึงลุกขึ้นคว้ากล้องที่วางอยู่บนกระเป๋ามาผ้ากระโจนขึ้นเตียงซุกกายใต้ผ้าห่มแล้วกดดูรูปในกล้อง

ใบหน้าด้านข้างยามที่ฝ่ายนั้นเผลอ  ท่าทางกระชับกระเป๋ากีตาร์ใบโต  ท่าทางตื่นๆยามเมื่อเขาแกล้งหันหน้าไปทางนั้นหรือท่าทางที่คิ้วขมวดยามดื่มน้ำบางอย่างและเขาดื่มนมเย็นโบราณอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน..  ซินหลุดหัวเราะเสียงเบากับอาการนั้นของคนในรูป  และภาพสุดท้ายของเมื่อคืน   แผ่นหลังกว้างกับกีตาร์ตัวโปรด...  คงจะเป็นนักดนตรีซินะ?
ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เขากำลังเล่นเพลงอะไร?


ตอนเช้าซินลุกขึ้นมาใส่บาตรเข้าเหนียวแต่เช้า  ระหว่างนั้นเขาก็อดจะมองไปฝั่งตรงข้ามถนนไม่ได้  มีแขกหลายคนที่ใส่บาตรเช่นเดียวกันกับเขาหากไม่มีใครคนนั้นรวมอยู่ด้วย

หลังจากนั้นซินก็แบกกล้องไปเดินริมแม่น้ำโขงเพื่อถ่ายรูป  หมอกขาวและอากาศหนาวทำให้ชายหนุ่มยกแขนขึ้นกอดตัวเองแล้วสูดอากาศเข้าปอดด้วยความสดชื่น  หาอาหารเช้าง่ายๆทาน  แล้วช่วงสายๆจึงเดินกลับ  ระหว่างนั้นเสียงหวานหูของท่วงทำนองประเภทเครื่องสายที่แสนคุ้นก็ดังแว่วมา   ซินเหลียวมองหาต้นเสียงแล้วจึงพบจำนวนคนไม่น้อยยืนล้อมรอบแหล่งกำเนิดเสียงอยู่  เขาจึงเดินเข้าไปบ้างแล้วเขาก็เผลอกลั้นหายใจกับภาพตรงหน้า

ดูท่าทางความปรารถนาของเขาจะเป็นจริงในชั่วข้ามคืน   เมื่อเจ้าของแผ่นหลังในรูปและกีตาร์ตัวสวยถูกเกาจนเป็นเพลงโดยนิ้วเรียวยาวสวยคู่นั้น   ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัวว่าถูกคนแอบฟังเพลงมากมายล้อมตัวอยู่และเขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  สังเกตได้จากแพขนตายาวที่แนบลงเพราะหลับตา  แล้วซินก็ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปมากมาย  ท่าทางผ่อนคลายและทำนองเพลงดังวนเวียนในหูของเขาแม้จะเดินออกมาแล้วก็ตาม

ทั้งๆที่ค่ำนี้ก็เหมือนค่ำเมื่อวานที่ผ่านมาและเขาก็ถ่ายรูปไปจนเกือบหมดทุกมุมแล้วหากแต่ซินก็เลือกที่จะเดินถนนตามร้านค้าอีกครั้งด้วยหวังบางอย่างในใจ  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดความคิด  ชื่อโชว์หน้าจอให้ขมวดคิ้วก่อนกดรับ  ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อสายตาเห็นใครบางคนอยู่ตรงข้ามของฝั่งถนนแล้วเอ่ยตอบคนในสาย  เพียงครู่เดียวคนที่โทร.หาเขาก็มาหยุดยืนตรงที่เขาไม่คาดคิด  ทันใดนั้นซินจึงตัดสินใจเดินเข้าหาทั้งๆที่สายตาจับจ้องใครอีกคน

ท่าทางตื่นๆและดวงตาเบิกกว้างของใครคนนั้นทำให้เขายิ้มกว้าง  ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นยิ้มเช่นเดียวกันกับเขาและมันก็ค้างเติ่งบนริมฝีปากได้รูปคู่นั้นยามที่เขาเอ่ยเรียกชื่อของใครอีกคนไม่ใช่ชายหนุ่มที่เขาไม่รู้จัก

“พี่แสตมป์มาช้าจัง”    ชายหนุ่มเอ่ยทักคนที่เพิ่งเดินทางมาถึง  ฝ่ายนั้นยกมือขึ้นยีผมเขาอย่างเอ็นดูเช่นทุกครั้ง    หากแต่สิ่งที่ดึงความสนใจของเขาไปคือเจ้าของใบหน้าซีดเซียวและรอยยิ้มเจื่อนข้างๆที่แบกกีตาร์เอาไว้

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์วาดประดับริมฝีปากบาง   แววตาพราวระยับเรียกความสงสัยจากพี่ชายร่างสูงกว่าหากแต่ซินไม่สนใจ  เขาลากแขนอีกฝ่ายเดินเที่ยวไปจนสุดถนนถึงดึกดื่นจึงเดินกลับมายังบ้านพัก

“เหนื่อยไหม?”  แสตมป์เอ่ยถามคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

“ไม่  สนุกดี”


“......”   ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองคนแบกกีตาร์ด้านหลังด้วยความสงสัยหากแต่คนตรงหน้าไม่มีท่าทีอะไรเขาจึงยิ้มอ่อน  จ้องมองดวงตากลมโตนั้นแล้วถอนหายใจ  “น่าเสียดายที่ไม่ได้พักด้วยกัน”

“....พรุ่งนี้ไปเที่ยวแก่งคุดคู้กัน”

“..โอเค   ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฝันดีนะครับ”  มือแกร่งยกขึ้นยีผมนุ่มเหมือนทุกทีก่อนจะเดินออกไปด้วยหัวใจหนักอึ้ง  ท่าทีอ่อนหวานไม่เปลี่ยนแปลงของคนน่ารักทำให้หัวใจเขาพองโตขัดกับอาการแสดงปฏิเสธความรู้สึกของเขามันทำให้ชายหนุ่มปวดหนึบในอก  หากคิดเกินพี่น้องไม่ได้...น่าจะเลิกทำท่าทางนั้นเสีย...แต่เขาจะทนได้หรือหากซินทำอย่างนั้นจริงๆ     ชายหนุ่มส่ายหน้ากับตัวเอง...  ทนไม่ได้แน่ๆ...

หลังจากพี่ชายร่วมค่ายทำงานจากไปซินจึงเดินเข้าบ้านพักแล้วซ่อนตัวหลังบันไดเพื่อมองคนด้านนอก   ท่าทางของคนที่หันหลังกลับออกไปแล้วหยุดเท้าหันกลับมามอง  หันไปหันมา  มันทำให้อดขำไม่ได้  ดูท่าว่าเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาสองคนพักอยู่ตรงข้ามกัน  ซินยิ้มกว้างกับตัวเอง  ไม่คิดว่าขนาดเขาแกล้งขนาดนี้แล้ว  เจ้าของกีตาร์ยังคงเดินตามเขาจนสุดทาง
คืนนี้คงหลับฝันดี  แม้อากาศจะหนาวจนจับใจ...


รุ่งขึ้นพี่แสตมป์มารับเขาตั้งแต่เช้าเพื่อไปแก่งคุดคู้ตามที่คุยกันไว้  บรรยากาศสวยๆริมแม่น้ำโขงทำให้ซินถ่ายรูปเยอะมาก  พลางคิดอย่างเสียดายว่าเขาน่าจะพกกระดานวาดรูปมาด้วย  ถึงอากาศเย็นจนทำให้นิ้วเขาแข็งแต่ก็อยากจะวาดรูปเหลือเกิน  เขาเลือกร้านอาหารที่มีลานกว้างกลางแดดเพื่อทานอาหารเช้าหลังถ่ายรูปจนเหนื่อย

“เดี๋ยวซินจะไปสั่งเครื่องดื่ม  พี่แสตมป์เอาอะไรไหม?”  เขาถามพลางลุกขึ้นยืน

“ขอกาแฟก็แล้วกันครับ”

ชายหนุ่มเดินออกไปยังร้านขายกาแฟพลางสั่งนมร้อนให้ตัวเองและกาแฟสองแก้ว   เอ่ยปากขอกระดาษโน้ตแผ่นเล็กจากเจ้าของร้านแล้วจรดปลายปากกาที่พกติดตัวตลอดลงไป

‘กาแฟร้อนๆจะช่วยให้อุ่นขึ้นนะ’

เขากวักมือเรียกเด็กชายตัวน้อยก่อนยื่นแก้วกาแฟร้อนให้  ก้มลงกระซิบบางอย่างพร้อมรอยยิ้มสวยพลางเท้าคางรอดูผลอย่างใจเย็น   ตั้งแต่ใครคนนั้นก้าวลงจากรถจนหยุดยืนชมบรรยากาศริมโขงเขาก็ไม่ได้ละสายตาเลย  อาการที่ถูมือเพิ่มความอบอุ่น ควันขาวออกจากปากแดงๆและการกระชับเสื้อคลุมทำให้เขาตัดสินใจลุกออกมาแล้วสั่งกาแฟร้อน....

ร่างสูงรับแก้วกาแฟไปถือพลางก้มลงถามเด็กชายด้วยความสงสัย  ก่อนรอยยิ้มกว้างจะประดับใบหน้าหล่อเหลา  สายตาคู่นั้นไล่ไปตามตัวอักษรในกระดาษแผ่นเล็ก   เจ้าของรอยยิ้มเงยหน้าขึ้นกวาดสายตาไปรอบๆให้ซินต้องย่อตัวลงให้พ้นสายตานั้น  เขายิ้มแหยให้เจ้าของร้านเมื่อถูกมองอย่างสงสัย  สักพักเขาจึงกลับไปยังร้านแล้ววางแก้วกาแฟที่เริ่มเย็นให้พี่ชายที่เอ่ยถามเขาอย่างห่วงใยว่าหายไปไหนมาเสียนาน  หากเขาได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น

ค่ำนั้นซินจัดแจงอาบน้ำแต่หัววัน  เขาไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกตื่นเต้นและรอคอยเวลาค่ำของคืนนี้  อาจจะเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้เช้าเขาจะต้องกลับกรุงเทพฯทั้งๆที่อยากพักต่ออีกสักวันก็ได้   มือขาวที่หยิบกล้องชะงักกึกเมื่อคิดว่าคืนนี้จะได้เจอใครคนนั้นหรือเปล่า     เขาไม่มั่นใจ…

“เดินทุกคืนไม่เบื่อหรือไง?”  น้ำเสียงคนปลายสายถาม  เขาตอบพี่แสตมป์ว่าออกมาเดินถนนเมื่อฝ่ายนั้นไปหาเขาที่บ้านพักแล้วไม่เจอ  ซินเดินเอื่อยเฉื่อยเมื่อสายตาของเขาไม่พบใครบางคน  หัวใจห่อเหี่ยวโดยหาสาเหตุไม่เจอหรือเขาไม่เข้าใจสาเหตุนั้นมากกว่า

แล้วสายตาก็พบกลุ่มคนที่รุมล้อมบางอย่าง  เสียงกีตาร์และทำนองเพลงหวานซึ้งทำให้หัวใจเขาพองโตแล้วเปลี่ยนเป็นเต้นระรัวอย่างไม่อาจห้าม  รอยยิ้มกว้างที่แม้แต่ตัวเองยังคิดถึงไม่ถึงหากกระนั้นเขาก็ไม่คิดจะหยุดยิ้ม
ท่าทางถอนหายใจแล้วกรีดนิ้วเล่นบทเพลงต่อไป  คิ้วเรียวนั้นขมวดมุ่นก่อนใบหน้านั้นจะเงยขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง  ปลายนิ้วบนสายกีตาร์ไม่ขยับ  ดวงตาเบิกกว้างจ้องตรงมายังเขาเมื่อเขาแทรกตัวเองผ่านกลุ่มคนเข้าไปหยุดยืนตรงหน้า

‘กีตาร์แมน  เล่นซิ’

นั่นแหละเจ้าของเรียวนิ้วสวยจึงขยับอีกครั้ง  ซินไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองยิ้มหวานขนาดไหนให้คนตรงหน้าและนั่นมันทำให้จังหวะหัวใจของกีตาร์แมนมันเต้นไม่เป็นส่ำ  เสียงที่เปล่งร้องเพลงออกมารึก็สั่นไหวจนเพี้ยนไปหมด  อย่าว่าแต่ฝ่ายนั้นเลย  คนยืนมองเองก็ต้องยกมือขึ้นกดอกซ้ายของตัวเองเป็นระยะเมื่อสิ่งที่อยู่ในนั้นเต้นแรงจนน่ากลัว

“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม กีตาร์แมน?”   ซินเอ่ยถามหลังฝ่ายนั้นเล่นจบเพลง  ดวงตาที่เบิกกว้างอีกครั้งมันทำให้รู้สึกเอ็นดู  เจ้าของกีตาร์พยักหน้ารัวเร็วจนต้องหัวเราะ  ซินเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ  เอียงหัวเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อจะได้ไม่หลุดเฟรม  ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมสะอาดจากตัวฝ่ายนั้นก็พลันให้ใจที่เริ่มสงบกลับมาเต้นแรงอีกคำรบ  มือไม้ที่ยกกล้องขึ้นถ่ายก็พลันสั่นจนรู้สึก  ความรู้สึกร้อนพาดผ่านแก้มทั้งสองข้าง

“เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ !”   เสียงเข้มของพี่แสตมป์ดังขึ้นเมื่อตามออกมาทัน  ซินลุกขึ้นยื่นกล้องให้พี่ชายก่อนกลับไปนั่งใหม่หากระยะห่างเพิ่มมากขึ้นและนั่นทำให้เขารู้สึกหายใจโล่งขึ้นด้วย

“ขอบใจนะ”  ผละออกรวดเร็วด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นสีหน้าของเขา

“อยู่ฟังเพลงสุดท้ายของคืนนี้หน่อยนะครับ”

“.....”  ไม่ได้มีการฉุดยื้อด้วยแรงหากแต่การรั้งด้วยแววตาเว้าวอนที่ถูกส่งมาทำให้เขาก้าวขาไม่ออก  ได้แต่พยักหน้ารับแล้วย้ายตัวเองมายืนข้างพี่แสตมป์  สายตาคู่นั้นยังคงจ้องตรงมายังเขา  ซินพยายามข่มอาการร้อนผ่าวที่ใบหน้าของตัวเองอย่างยากเย็น    ท่วงทำนองคุ้นหากแปลกออกไปด้วยเนื้อเสียงโทนเบสของกีตาร์แมนทำให้มันฟังดูไพเราะแปลกหู

ตั้งแต่วันที่ผมได้พบ วันที่ผมได้เห็นหน้า
สายตาและหัวใจเจอะที่คุณ
ตั้งแต่นั้นผมก็ได้รู้ ชีวิตผมก็ได้รู้
ว่าจากนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วคุณ

คือคุณนั่นเองตลอดมา ที่ตัวผมเองเฝ้าใฝ่หา
เมื่อมองรอบกาย ที่มีคนมากมาย
มีคุณคนเดียวที่ผมมองเห็นในสายตา

มันทรมานเกินจะเก็บไว้
จึงบอกคุณไปแล้วได้ยินไหม
ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ
ก็ช่วยเก็บเป็นความลับตลอดไป
ถ้าหากคุณไม่ตอบรับ
ก็ช่วยเก็บเป็นความลับ ว่าผมรักคุณ

เสียงปรบมือรอบข้างดังขึ้นหากซินกลับไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากบทเพลงเมื่อครู่ที่มันวิ่งวนอยู่ในโสตประสาทของเขา  อีกทั้งแววตาที่ยังไม่ละไปนั่นอีก  แขนแกร่งยังคงกอดกีตาร์เอาไว้ท่าทางรอคอยอย่างคาดหวัง  แรงกระตุกที่มือพร้อมการรั้งแขนจากคนด้านข้างทำให้ซินต้องออกเดินตาม

“ไปกันเถอะ”  เสียงของพี่แสตมป์เหมือนดังมาจากที่ไกลๆ  กระนั้นซินก็ไม่ได้หยุดเท้าลง  เขาเหลือบสายตาไปมองกีตาร์แมนที่มองมาทางเขาด้วยความห่อเหี่ยวพ่วงท่าทางเจ็บปวด   อาการนั้นของชายหนุ่มทำให้ซินหลุดยิ้มมุมปาก   โดยไม่ให้คนข้างหน้ารู้ตัว  ซินหันกลับไปยิ้มให้กีตาร์แมน   ริมฝีปากขยับโดยไร้เสียง

‘มันไม่ใช่ความลับเสียหน่อย....’

แววตาระริกไหวลิงโลดพร้อมรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าหล่อเหลาที่เข้าใจความหมายจากการอ่านริมฝีปากของเขานั้นทำให้ซินหลุดหัวเราะจนพี่แสตมป์หันมามองด้วยสายตาไม่พอใจ

“ซินรู้จักเขาหรือ?”

“ไม่  ไม่รู้จัก”

“.....แล้ว”  คิ้วพี่แสตมป์ขมวดมุ่น

“พรุ่งนี้รถออกตอน 6 โมงเช้า  พี่มารับซินด้วยแล้วกัน”  แขนเล็กขยับหลุดออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายก่อนกลับเข้าบ้านพัก   เขาไม่ได้หันกลับไปดูว่าพี่แสตมป์มีสีหน้าอย่างไร



ท่ามกลางความมืดซินไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้  กล้องในมือถูกกดดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแบตเตอรร์รี่หมดให้ต้องลุกขึ้นมาชาร์ตใหม่  ระหว่างกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้เขาอาจจะเปิดมันดูระหว่างทางหรือตลอดทางไม่อาจรู้

หากได้เจอกันอีกครั้ง  ถ้าอีกฝ่ายถามชื่อเขาจะบอกออกไป

หากได้เจอกันอีกครั้งเขาอาจจะได้ร้องเพลงและมีกีตาร์แมนเล่นกีตาร์ให้

ถ้าหากได้เจอกันอีกครั้ง...คราวหน้าคงได้รู้จักกัน...

แล้วเขาจะให้เชียงคานเป็น ...รักเลย...  ในความทรงจำ

Fin.

5 ความคิดเห็น:

  1. น่ารักจริงๆ ค่ะ มาอัพต่อเร็วนะคะ
    จะรอค่ะ

    ตอบลบ
  2. >< มาต่อแล้วนี่ แต่ดันไม่เห็น คึคึ
    สงสัยความน่ารักของฟิคเรื่องนี้มันบังตาเข้าอย่างจัง 55
    น่ารักมากก มุมมองของพี่ซิน
    อ่านแล้วเขิลไม่แพ้กับของพี่นัทเลยยย
    มีความสุขจิงๆ
    รีบมาต่อนะคะ รออยู่น้า ^^

    ตอบลบ
  3. erm...it's quite cute the way it are now. it weird to read that Nut can sing (because in real life...i think he don't know how to sing that much). but i like this fan fic. very cute and can make me smile. thank you and please continue. i'll be waiting for the next part. ^__^

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ9 มีนาคม 2554 เวลา 05:54

    น่ารักมากกกกกกก ....


    พี่ซินขี้แกล้งอะ ... แกล้งให้มาเฟียเดินตามต้อยๆ 5 5 5 เเต่เฮียแกก็ย่อมเนาะ

    น่ารักอะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ6 เมษายน 2554 เวลา 02:19

    ต่อด่วยค่ะ
    มิควรจบแบบนี้

    อิอิ

    ตอบลบ